แนวความคิดและแนวทางการจัดกิจกรรมศิลปะ
สำหรับเด็กปฐมวัย (คลิก)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์จักรพงษ์ แพทย์หลักฟ้า
หัวหน้าสาขาศิลปศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย นับว่าเป็นการจัดการเรียนรู้ในช่วงวัยที่สำคัญมากเพราะเด็กปฐมวัยเป็นวัยที่ศักยภาพของการเรียนรู้ของเด็กเจริญงอกงามอย่างรวดเร็วมากถ้าได้รับการพัฒนาอย่างเข้าใจ นอกจากนี้พัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ก็สามารถส่งเสริมให้พัฒนาขึ้นได้เป็นปริมาณมากด้วยกิจกรรมการเรียนรู้บนฐานของความเข้าใจด้วยเช่นกันเป็นที่ยอมรับกันว่าการส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กปฐมวัยรวมทั้งการส่งเสริมศักยภาพทางการเรียนรู้ของเด็กผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ทางศิลปะ เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยได้ทั้งนี้เพราะกิจกรรมศิลปะสนุกจะและสามารถกระตุ้นความสนใจของเด็กให้อยากเรียนรู้ศิลปะได้เป็นอย่างดีจึงทำให้เด็กปฐมวัยชอบแสดงออกทางศิลปะนอกจากนี้กิจกรรมศิลปะยังเป็นกิจกรรมที่สามารถตอบสนองการแสดงออกทางด้านจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้อย่างอิสระเพราะเป็นกิจกรรมที่ยืดหยุ่นไม่มีหลักเกณฑ์เรื่องความถูกหรือผิดมากำหนดกิจกรรมศิลปะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความชอบ ของผู้แสดงออกมากกว่าจึงมีธรรมชาติของกิจกรรมที่สอดคล้องกับความสนใจของเด็กปฐมวัยอย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนาเด็กผู้จัดกิจกรรมจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดีเพราะการสอนศิลปะเป็นดาบสองคมหากผู้จัดกิจกรรมหรือผู้สอนศิลปะเข้าใจเด็กก็เป็นเรื่องที่ดีแต่ถ้าพัฒนาอย่างขาดความเข้าใจแทนที่จะส่งเสริมพัฒนาเด็กอาจกลายเป็นการทำลายไปเสียก็ได้
การจัดกิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนาเด็กนั้นผู้จัดกิจกรรมจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการจัดกิจกรรมต้องมีการศึกษาทดลองและพัฒนากิจกรรมอย่างเป็นระบบ เด็กปฐมวัยเป็นเด็กในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่พัฒนาการด้านต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์กำลังเจริญเติบโตจึงต้องการการส่งเสริมด้วยกิจกรรมศิลปะที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาอย่างเข้าใจและยั่งยืนกิจกรรมศิลปะที่มีรากฐานมาจากความคิดที่หลากหลายและผ่านการทดลองอย่างเป็นระบบจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญต่อเด็กเป็นอย่างมากเสรีภาพทางความคิดและการปฏิบัติกิจกรรมศิลปะตามความต้องการของผู้เรียนเป็นการสร้างบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ ที่ครูศิลปะจะต้องจัดประสบการณ์ให้กับผู้เรียนเพราะการที่เด็กแสดงออกได้มากเท่าไรนั่นย่อมหมายความว่าเขาได้ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาได้มากเท่านั้นและนั่นย่อมหมายถึงความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มขึ้นเมื่อปัญหาเดิมได้รับการตอบสนองไปเรียบร้อยแล้ว และนั่นยอมหมายถึงความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อปัญหาเดิมได้รับการตอบสนองไปเรียบร้อยแล้วเด็กอาจยุ่งยากใจกับการแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงแต่ในโลกแห่งศิลปะเขามีวิธีการในการเข้าไปสู่ความสำเร็จในการแก้ปัญหาเสมอถ้าครูหรือผู้ปกครองไม่เข้าไปแย่งชิงช่วงเวลาอันมีคุณค่าของการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ตามเสรีภาพของเด็กด้วยความหวังดีที่ขาดความเข้าใจ
จากมูลเหตุดังกล่าวการจัดกิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยที่สะท้อนการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญและเน้นการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการจึงต้องเป็นกิจกรรมศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นบนฐานคิดทฤษฎี ที่หลาหลาย หรือสร้างขึ้นจากมุมมองหลายมิติเพื่อให้ได้กิจกรรมที่สอดคล้องกับการพัฒนาเด็กท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วและซับซ้อนของสภาพสังคมปัจจุบันกิจกรรมพหุศิลปศึกษาเป็นกิจกรรมที่สะท้อนศาสตร์พหุศิลปศึกษาหรืออีกนัยหนึ่งพหุศิลปศึกษาก็คือศิลปศึกษาในมิติใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนฐานคิดทฤษฎีที่หลากหลาย ดังที่ วิรุณ ตั้งเจริญ (2545 : 45-50)ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับการพัฒนาศิลปศึกษามาสู่พหุศิลปศึกษา โดยมีฐานคิดทฤษฎีรองรับ 5 ทฤษฎี ตามรายละเอียดดังนี้
“ศิลปศึกษาต้องพัฒนาเป็นพหุศิลปศึกษา (Arst Education) ศิลปะที่ครอบคลุมทั้งทัศนศิลป์การแสดงดนตรีและศิลปะอื่นๆพหุศิลป์ที่ครอบคลุมศิลปะที่หลากหลายเชื่อมโยงบริบทศิลปะ และบริบทสังคมการศึกษาที่ครอบคลุมกระบวนการเรียนรู้การศึกษาที่มีสภาพเป็นมรรค มากกว่าผลพหุศิลปศึกษาประกอบด้วย
1.พหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (Discipline-based Arst Education)
2.พหุศิลปศึกษาเชิงพหุปัญญา(Multiple-intelligences Arst Education) 3.พหุศิลปศึกษาเชิงภูมิปัญญาไทย(Thai Wisdom Arst Education) 4.พหุศิลปศึกษาเชิงศิลปะหลังสมัยใหม่(PostmodeArst Education) 5.พหุศิลปศึกษาเชิงความสามารถพิเศษ(GeftednessArst Education)
พหุศิลปศึกษาเชิงแบบแผน (Discipline-based Arst Education)
ได้พัฒนาแกนสำคัญในการสอน 4 แกน ดังนี้
1.ประวัติศาสตร์ศิลป์(Arst History)
2.สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics)
3.ศิลปวิจารณ์ (Art Criticism)
4.ศิลปะสร้างสรรค์ (Creating Art)
พหุศิลปศึกษาเชิงพหุปัญญา(Multiple-intelligencesArst Education)
ทฤษฎีวิวัฒนาการของสมองและทฤษฎีพหุปัญญา(Theoryof Multiple Intellgences)ของโฮวาร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardener) ว่าด้วยความฉลาดและเชาวน์ปัญญาภายในตัวของมนุษย์8ด้านได้แก่
1.ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
2.ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์(Logical-Mathematical Intelligence)
3.ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Intelligence)
4.ปัญญาด้านร่างกายและความเคลื่อนไหว(Bodily-Kinedthetic Intelligence)
5.ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
6.ปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
7.ปัญญาด้านตนเองหรือความเข้าใจตนเอง(Interpersonal Intelligence)
8.ปัญญาด้านนักธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)
ทฤษฎีพหุปัญญาด้วยความฉลาดและเชาวน์ปัญญาภายในตัวของมนุษย์ทั้ง 8 ด้าน ซึ่งเกี่ยวกับสมองทั้ง 2 ซีกของมนุษย์นั้น ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญในการศึกษาค้นคว้าทางด้านจิตวิทยาและการพัฒนาไปสู่ทฤษฎีพหุศิลปศึกษาเชิงพหุปัญญา(อ่าน อารี สัณหฉวี.2535)
พหุศิลปศึกษาเชิงภูมิปัญญาไทยการศึกษาทางด้านพหุศึกษาสามารถเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดมาจากอดีตภูมิปัญญาพื้นบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นและภูมิปัญญาร่วมสมัยสามารถนำมาพัฒนาเป็นกระบวนการสอนศิลปศึกษาโดยแยกกิจกรรมเรียนรู้ ดังนี้
1.การแสวงหาความรู้ภูมิปัญญาไทยจากบุคคลในรูปแบบการพูดคุย สอบถาม สัมภาษณ์ จากผู้รู้พื้นบ้าน พระสงฆ์ ผู้สอนศาสนา ผู้เฒ่า ศิลปินช่างพื้นบ้านผู้ประกอบการในแต่ละอาชีพภูมิปัญญาที่เป็นความคิด ขนบธรรมเนียมประเพณี ฯลฯ
2.การแสวงหาความรู้ ภูมิปัญญาไทยจากเอกสารการบันทึกต่างๆ เช่น จากสมุดข่อย หนังสือจดหมายเหตุงานวิจัย ทั้งทางด้านปรัชญา ความคิด การดำรงชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ
3.การพัฒนาภูมิปัญญาไทยเราสามารถอนุรักษ์สืบสานและพัฒนาภูมิปัญญาให้เหมาะสมสอดคล้องกับปัจจุบันเหมาะสมสอดคล้องกับชุมชน ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่
4.การแสวงหาความรู้ภูมิปัญญาจากประสบการณ์ตรง โดยการเดินทางสู่แหล่งข้อมูลใช้ชีวิตฝังตัวอยู่ในแหล่งข้อมูลหรือแหล่งประสบการณ์เรียนรู้สังเกตซึมซับประสบการณ์รอบตัวด้วยตนเอง
พหุศิลปศึกษาเชิงศิลปะสมัยใหม่
ความเชื่อแบบลัทธิหลังสมัยใหม่พัฒนามาตั้งแต่กลางศตวรรษที่20 เป็นต้นมาสามารถสรุปประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับศิลปะหลังสมัยใหม่ได้ดังนี้
1.รูปแบบศิลปะตามแนวคิดของกลุ่มหลังสมัยใหม่ ให้ความสำคัญกับการบูรณาการในการสร้างศิลปะด้วยสื่อที่หลากหลาย
2.ผลงานศิลปะในความคิดของกลุ่มสมัยใหม่จะปราศจากความหมายในตัวของมันเอง
3.ศิลปะในกลุ่มศิลปะหลังสมัยใหม่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมซึ่งมักสร้างผลงานที่เป็นศิลปะต่อต้าน ต่อสู้เรียกร้องสังคมและการเมือง
4.กลุ่มศิลปินหลังสมัยใหม่จะเป็นปฏิปักษ์กับระบบความคิดแบบศิลปะสมัยใหม่ ซึ่งกลุ่มศิลปะสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับจิตสำนึก แต่กลุ่มศิลปะหลังสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับอดีตจะหยิบเอาสาระจากอดีตมาใส่เป็นบริบทใหม่
5.กลุ่มความคิดแบบหลังสมัยใหม่ไม่เชื่อเรื่องความเป็นไปได้ในการสื่อสารอันเป็นสากลหรือภาษาสากลตรงข้ามกับกลุ่มสมัยใหม่ที่เชื่อและแสวงสิ่งอันเป็นสากล
ทฤษฎีพหุศิลปศึกษาเชิงความสามารถพิเศษ
เป็นการบูรณาการแนวความคิดทั้งแนวคิดด้านความคิดทั้งแนวคิดทางด้านความสามารถพิเศษ แนวคิดทางด้านจิตวิทยาศิลปะ แนวคิดเกี่ยวกับสมองและการสร้างสรรค์ศิลปะจนก่อให้เกิดแนวคิดหลัก CISST ที่ใช้ในการพัฒนาผู้ที่มีความสามารถพิเศษทางทัศนศิลป์”
จากบริบทดังกล่าว การจัดกิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยตามแนวคิดพหุศิลปศึกษาหรือตามศาสตร์พหุศิลปศึกษา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการจัดกิจกรรมศิลปศึกษาในมิติใหม่บนฐานแนวคิดทฤษฎีที่หลากหลาย เป็นกิจกรรมศิลปศึกษาแบบบูรณาการ เป็นกิจกรรมศิลปศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน
……………………………………….
เอกสารอ้างอิง
วิรุณ ตั้งเจริญ. (2545). พหุศิลปศึกษา. กรุงเทพฯ : สันติศิริการพิมพ์. เสรี พงศ์พิศ. (2545). ยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน. กรุงเทพฯ : สันติศิริการพิมพ์. |
หน้าเว็บ
- หน้าแรก
- Course Syllabus Art Provision for Early Childhood
- Article Creative Art Provision for Early Childhood...
- Video Creative Art
- Learning Outcomes 1
- Learning Outcomes 2
- Learning Outcomes 3
- Learning Outcomes 4
- Learning Outcomes 5
- Learning Outcomes 6
- Learning Outcomes 7
- Learning Outcomes 8
- Learning Outcomes 9
- Learning Outcomes 10
- Learning Outcomes 11
- Learning Outcomes 12
- Learning Outcomes 13
- Learning Outcomes 14
- Learning Outcomes 15
- Learning Outcomes 16
- Learning Outcomes 17
Article Creative Art Provision for Early Childhood
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น